top of page

Jean-Baptiste Arban: Fantaisie Brillante

Jean-Baptiste Arban

Arban เกิดที่ Lyon ประเทศฝรั่งเศส เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 1825 และเสียชีวิตเมื่อวันที่ 8 เมษายน 1889 

Arban เป็นบุตรของ Simon Arban เขาได้ศึกษาทรัมเป็ตกับ François Dauverné ที่ Paris Conservatoire ตั้งแต่ปี 1841 ถึง 1845 

ในปี 1857 เขาได้รับแต่งตั้งเป็นศาสตราจารย์เครื่อง saxhorn ที่ École Militaire และต่อมาเขาได้รับการแต่งตั้งเป็นศาสตราจารย์เครื่อง cornet ที่ Conservatoire ในปี 1869 ซึ่ง Merri Franquin เป็นหนึ่งนักเรียนของเขา ต่อมาในปี 1,864 เขาได้ตีพิมพ์หนังสือ Grande méthode complète pour cornet à pistons et de saxhorn ซึ่งมีอิทธิพลต่อเครื่องดนตรีทองเหลืองเป็นอย่างมาก มักถูกเรียกกันว่า "Trumpeter's Bible" มันถือว่าเป็นการศึกษาที่แปลกใหม่ของผู้เล่นทองเหลือง หนังสือของเขาได้รับการสนับสนุนโดยสำนักพิมพ์หลายแห่ง โดย Carl Fischer และ Alphonse Leduc เป็นหนังสือที่โดดเด่นที่สุด 

ในปี 1982 Carl Fischer ได้ปรับเปลี่ยนข้อความในหนังสือใหม่ซึ่งเขียนโดย Claude Gordon แต่ในปี 1982 หนังสือของเขาถูกให้ปรับไปเป็นแบบเดิมและกำหนดให้การแก้ไขก่อนหน้านี้โดย Walter Smith and Edwin Franko Goldman

บทเพลง Fantaisie Brillante ถูกประพันธ์มาในรูปแบบ Variation ซึ่งบทเพลงนี้จะประกอบด้วยธีมและ 3 Variation 

Variation ที่ว่ามานี้คือชุดรูปแบบและชุดรูปแบบเป็นโครงสร้างดนตรีทั่วไปที่คุณจะเจอโดยเฉพาะในดนตรีคลาสสิก โครงสร้างที่ว่ามาจะถูกสร้างขึ้นจากแนวคิดทางดนตรีที่เรียกว่า Theme(ธีม) ซึ่งมักจะเล่นในตอนต้นของบทเพลง มันมักจะประกอบด้วยทำนองที่น่าจดจำ เมื่อชุดรูปแบบที่ได้รับการเล่นแล้ว จะถูกนำมาเล่นซ้ำ แต่แตกต่างกันไปในบางวิธี สิ่งนี้เรียกว่า Variation

Joseph Haydn: Trumpet Concerto in Eb

Joseph Haydn ( Franz Joseph Haydn )

joseph haydn เกิดที่ Rohrau ทางใต้ของออสเตรีย เมื่อวันที่ 31 มีนาคา 1732 และเสียชีวิตเมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม 1809 ด้วยอายุ 77 ปี

haydn เป็นบุตรคนที่สองจากสิบสองคนที่เกิดด้วย Matthias กับ Maria Haydn และน้องคนเล็กของเขา Johan michal เป็นที่รู้จักกันดีว่าเขาเป็นนักแต่งเพลงชื่อดังที่แต่งเกี่ยวกับทางศาสนาและเป็นนักดนตรีที่แต่งเพลงสำคัญให้กับทรัมเป็ต

อย่างไรก็ตาม Haydn ไม่ได้เก่งทางด้านดนตรีสักเท่าไหร่ แต่เขารักในเสียงดนตรีและเขาก็เดินทางไกลเพื่อเรียนดนตรีกับ Johann Mathias Frank ต่อมา Haydn ได้เป็นนักร้องที่ดีและเขาเองก็ยังได้เรียนเครื่องดนตรีอีกหลายชนิด ตอนอายุ 8 ขวบ เขาถูกเชิญโดย Georg Reutter ให้มาประสานเสียงที่ Stephen's Cathedral ในประเทศเวียนา Haydn เริ่มการพัฒนาทางด้านการร้องและยังได้เรียนรู้เกี่ยวกับไวโอนลินและเปียโนอีกด้วย เมื่อโตขึ้นเสียงของเขาเริ่มแตกหนุ่มเขาจึงออกจาก Stephan's และหันำปเริ่มประพันธ์เพลงโดยใช้ C.P.E ของ Bach เป็นต้นแบบและค้นหาเทคนิคด้วยตนเอง Haydn ได้แต่ง Opus เป็นเพลงแรก คือ Mass in F major ในปี 1752 และกลายเป็นผู้มีชื่อเสียงในฐานะมือสมัครเล่นในเวียนา ต่อมาเขาถูกเชิญไปที่ Furnberg เพื่อแสดงดนตรีและเขาก็เป็นคนแรกที่ยังอายุน้อยที่เล่น String quartet แล้วเขาก็กลับเวียนาในปี 1756 และเริ่มแต่ง Symphony ต่อมา Prince Paul Anton ได้มาเยี่ยม Count Mozin และมี Haydn ได้เล่น Symphony ของเขาเอง เจ้าชายชื่นชอบเป็นอย่างมากและได้จ้าง Haydn ให้ไปเล่นที่ Esterhazys และ นั้นทำให้ Symphony ochestra musician ที่ดีที่สุดใน Austria และในปี 1762 Paul Anton เสียชีวิตลง ปี 1780 Haydn ได้เขียน Symphony และ String quartet ไว้มากมาย เขาประสพผลสำเร็จเป็นอย่างมากและในช่วงบั้นปลายชีวิตของเขานั้นเขาได้กลับไปที่เวียนาและทุกคนก็รู้จักเขาในฐานะ Composer

Miles Davis: Boplicity, Moon Dreams

Birth of the Cool By Miles Davis

บทเพลง Boplicity และ Moon Dreams แต่งโดย Miles ในอัลบั้ม Birth of the Cool ได้รับการปล่อยตัวในปี 1957 บน Capitol Records

บันถึกเสียงโดยวงเครื่องดนตรี 9ชิ้นของ Miles ซึ่งประกอบด้วย Alto Sax, Baritone Sax, Trumpet, Horn, Trompet, Tuba, Piano, Bass, Drums

ซึ่งถือว่าเป็นการใช้เครื่องดนตรีที่ผิดปกติในดนตรีแจ๊ส และยังถูกเรียบเรียงแบบแปลกใหม่ซึ่งได้รับอิทธิพลจากเทคนิคดนตรีคลาสสิกเช่น Polyphony และถูกนำมาพัฒนาจนเป็นสิ่งที่สำคัญใน Post-Bebop Jazz  อัลบั้มนี้ถือว่าเป็นหนึ่งในอัลบั้มที่มีอธิพลต่อยุค Cool Jazz 

หนึ่งในสิ่งที่มีอิทธิพลมากที่สุดต่อเสียงของ Birth of the Cool คือ Claude Thornhillและวงออร์เคสตราของเขา ซึ่งเป็นที่รู้จักใน สไตล์อิมเพรส , และมีการใช้เครื่องดนตรี Tuba, French horn และไม่ Vibrato 

Miles ชอบในเสียงของ Thornhill ออร์เคสตรา ประกอบด้วยเครื่องดนตรีทั้งหมด 18ชิ้น ซึ่ง Miles คิดว่ามันเป็นจำนวนเยอะเกินไป เขาจึงหาเลือกเฉพาะเครื่องที่สำคัญโดยที่ไม่ทำให้เสียงต่างไปจากแบบเดิมมากนัก

bottom of page